ระยอง-อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงเรือตรวจสอบเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล

ระยอง-อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงเรือตรวจสอบเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล

 

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 26 ม.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง พร้อมด้วยนายภูมิพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้นั่งเรือลงไปตรวจสอบจุดที่ได้รับรายงานว่า มีน้ำมันดิบของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งเป็นของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ซึ่งรั่วไหลลงทะเลจำนวนมาก โดยห่างจากฝั่งประมาณ 12 ไมล์ทะเล

จากการตรวจสอบพบคราบน้ำมันลอยบนผิวน้ำเป็นฟิล์มบางๆ เป็นบริเวณกว้าง โดยพบเจ้าหน้าที่ได้นำเรือฉีดโฟมขจัดคราบน้ำมัน และใช้เฮลิคอปเตอร์โปรยโฟม เพื่อเร่งขจัดน้ำมันดังกล่าวด้วย เพื่อสะกัดไม่คราบน้ำมันพัดเข้าฝั่ง

นายทองดี โสภณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากทางบริษัทฯ ยืนยันว่า น้ำมันที่รั่วไหลลงทะเลมีจำนวน 20 ตันเท่านั้น การแพร่กระจายไม่ได้เป็นมวลก้อนใหญ่ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้บูมในการกำจัด แต่ได้ใช้สารเคมีในการโปรยโดยเฮลิคอปเตอร์ ส่วนทิศทางลมที่จะพัดคราบน้ำมัน ยืนยันว่าจะไม่มีการพัดเข้าฝั่ง ซึ่งประชาชนไม่ต้องตกใจ ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถกำจัดคราบน้ำมันได้หมดก่อนพัดเข้าฝั่งแน่นอน การดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพยากรทางทะเล

จะมีประเมินความเสียหายภายหลังทั้งในส่วนของกรมเจ้าท่า และกรมควบคุมมลพิษด้วย ซึ่งจะมีการฟ้องร้องต่อไป ส่วนสาเหตุการรั่วไหลบริษัทฯ แจ้งว่าไม่ได้เหิดจากกระบวนการขนถ่ายจากเรือ แต่เกิดจากระบบท่อขนส่งน้ำมันดิบใต้น้ำ ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่าจะเกิดกรณีซ้ำรอยน้ำมันรั่วของเกาะเสม็ด เมื่อปี 56 นั้น ยืนยันว่ามันต่างกัน เนื่องจากครั้งนี้น้ำมันที่รั่วไหลห่างจากฝั่งเกาะเสม็ด และฝั่งกว่า 20 กม.มีความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ และปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลก็ไม่มาก

ด้านนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัด การดำเนินคดีเมื่อก่อให้เกิดความเสียหายก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมายอย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องมาดูว่ากระทบอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานอยู่

 

วฐิต กลางนอก ข่าว/ภาพ
ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

Related posts