“วราวุธ” เปิดงานวันเสือโคร่งโลก “เสือโคร่งต้องไปต่อ :TIGERS NEXT GEN” พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำการอนุรักษ์เสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“วราวุธ” เปิดงานวันเสือโคร่งโลก “เสือโคร่งต้องไปต่อ :TIGERS NEXT GEN” พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำการอนุรักษ์เสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วันนี้ (29 กรกฎาคม 2565) เวลา 09.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานเปิดงานวันเสือโคร่งโลก ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “TIGERS NEXT GEN: เสือโคร่งต้องไปต่อ” พร้อมทั้งมอบโล่เชิดชูเกียรติแก่หน่วยงาน องค์กร ที่ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์เสือโคร่งในประเทศไทย อีกทั้งมอบเข็มพิทักษ์ป่าแก่ผู้สนับสนุนงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเยี่ยมชมนิทรรศการ 12 ปี การอนุรักษ์เสือโคร่งตามแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง พ.ศ.2553-2565 และเยี่ยมชมน้องขวัญ เสือของกลางสายพันธุ์ไซบีเรีย อายุประมาณ 4 เดือน ที่อยู่ในความดูแลและเป็นขวัญใจของประชาชน โดยโอกาสนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการพนักงาน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกิจกรรม ณ ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี

นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงองค์กรพันธมิตร ร่วมกันจัดงานวันเสือโคร่งโลก ประจำปี 2565 ในครั้งนี้ขึ้น อีกทั้งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ทีมนักวิจัย จากองค์กรที่เกี่ยวข้องที่ได้ทุ่มเทการทำงานด้านการอนุรักษ์เสือโคร่ง จนเห็นผลสำเร็จในปัจจุบัน ที่ทำให้ประเทศไทยมีประชากรเสือโคร่งจากการประเมินในธรรมชาติ จำนวน 148-189 ตัว กอปรกับประเทศไทยภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อกิจกรรมการอนุรักษ์เสือโคร่งทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ

โดยในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการจัดทำแผนปฏิบัติการอนุรักษ์เสือโคร่งขึ้นครั้งแรกที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในการเพิ่มประชากรเสือโคร่งในธรรมชาติ เราสามารถเพิ่มเสือโคร่งได้เกือบ 100 ตัว หัวใจสำคัญคือ การทำให้ธรรมชาติของเรามีความสมบูรณ์มากขึ้น เพราะการเพิ่มขึ้นของเสือโคร่งเป็นสิ่งสะท้อนโดยตรงว่า ระบบนิเวศในประเทศไทยมีความสมบูรณ์มากขึ้น จนทำให้เสือโคร่งที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารมีจำนวนเพิ่มขึ้น และประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับการป้องกันการค้าสัตว์ป่า เพราะเราไม่อยากเห็นกรณีอย่างน้องขวัญเกิดขึ้นอีก จึงอยากขอฝากพี่น้องประชาชนทุกคนว่า “เสือควรอยู่กับป่า” หากพบเห็นการลักลอบการซื้อขายสัตว์ป่าขอให้แจ้งมายังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยทันที เพื่อช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของเราให้คงอยู่ต่อไป

 

Related posts